บอลโลก 16 ทีมสุดท้าย

บอลโลก 16 ทีมสุดท้าย

วิเคราะห์บอลโลก 16 ทีมสุดท้าย

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาต้าร์เป็นเจ้าภาพ ได้ผ่านการเล่นรอบแรกไปทั้ง 3 นัดของทุกกลุ่มเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าก่อนที่ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มต้นขึ้นจะมีดราม่าการเป็นเจ้าภาพของกาต้าร์มากมายหลายเรื่อง แต่พอฟุตบอลโลกเริ่มการแข่งขันเข้าจริง เรื่องราวอื้อฉาวก็เหมือนจะจางหายไปหลังจากที่การฟาดแข้งได้เริ่มต้นขึ้น และเอาเข้าจริงการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ก็ถือว่ามีหลายนัดที่สร้างความสนุกตื่นเต้นได้มากทีเดียว โดยเฉพาะนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ต้องลุ้นกันถึงนาทีสุดท้ายหลายกลุ่มเลยทีเดียว และทำให้ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ดูน่าสนใจ และน่าติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าทีมเจ้าภาพอย่างกาต้าร์จะต้องตกรอบแรกไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ หรือทีมชั้นนำของโลก ต่างก็พากันเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้เกือบหมด จะมีก็เพียงทีมชาติเบลเยี่ยม กับทีมชาติเยอรมันเท่านั้น ที่ต้องตกรอบแรกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทวีปที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกลับเป็นเอเชียอย่างทีมชาติญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่พลิกสถานการณ์ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ได้สำเร็จ ซึ่งการไขว้ประกบคู่กันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว โดยบอลโลก 16 ทีมสุดท้ายนี้จะทำการแข่งขันกันวันละ 2 คู่ โดยจะเล่นวันถัดจากเกมที่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มแข่งจบ และจะเล่นกันต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ซึ่งทั้ง 8 คู่จะมีคู่ไหนบ้างมาไล่เรียงกัน

อเมริกา ที่ยังไม่เคยแพ้ใคร

คู่แรกที่จะทำการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายคือการพบกันระหว่างทีมชาติฮอลแลนด์ ที่จะพบกับทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดยฮอลแลนด์เก็บได้ 7 คะแนนในกลุ่มเอ ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์กลุ่ม แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่นักใน 3 นัดแรก โดยเข้ามาพบกับอเมริกาที่เก็บได้ 5 คะแนน และยังไม่แพ้ใครในรอบแรก และยันเสมอกับทีมชาติอังกฤษได้ 0-0 ด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นทีมดาวรุ่งที่ใช้พละกำลังเข้าสู่ และวิ่งเข้าใส่คู่แข่ง ทำให้คู่แข่งของพวกเขามักจะเจอกับความยากลำบากอยู่เสมอ และแม้ว่าทัพ “อัศวินสีส้ม” จะดูเหนือกว่า แต่โอกาสพลิกล็อคก็มีไม่น้อยทีเดียว

อาร์เจนติน่า พบ ออสเตรเลีย

คู่ต่อมาคือทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่พลิกกลับมาเป็นแชมป์กลุ่มซี แม้ว่าจะแพ้ให้กับซาอุดิอาราเบียในนัดแรกก็ตาม ซึ่งต้องมาพบกับทีมชาติออสเตรเลีย ที่หักปากกาเซียนเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ หลังเฉือนทีมชาติเดนมาร์กได้ 1-0 ในนัดสุดท้าย โดยแม้ว่าอาร์เจนติน่าจะดูผ่านรอบแรกมาได้อย่างยากลำบาก แต่พวกเขากลับดูเหมือนว่าจะได้เจอคู่แข่งที่น่าจะดูอ่อนที่สุดทีมหนึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้เลยก็ว่าได้ ทำให้ทีม “ฟ้าขาว” มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ฝรั่งเศส แชมป์เก่าที่ สด มาก

ต่อมาเป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมจากยุโรป คือแชมป์เก่าทีมชาติฝรั่งเศส ที่จะได้พบกับทีมชาติโปแลนด์ ที่ต้องลุ้นถึงนาทีสุดท้ายเลยทีเดียวกว่าจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ โดยฝรั่งเศสพักตัวผู้เล่นไว้เกือบหมดในนัดสุดท้ายที่พบกับตูนีเซีย ทำให้พวกเขาจะสดกว่าโปแลนด์ที่กรำศึกหนักมาตลอด 3 นัดในรอบแรก ทำให้ทีมแชมป์เก่าดูเป็นต่อทั้งเรื่องของสภาพร่างกาย และขุมกำลังที่แข็งแกร่งทุกตำแหน่ง ไม่เว้นแม้แต่ตัวสำรอง ส่วนโปแลนด์ก็ดูเหมือนจะพึ่งได้แค่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้เหมือนเดิม

อังกฤษ พบ แชมป์แอฟริกัน คัพ

คู่ที่ 4 เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติอังกฤษ ที่จะพบกับทีมชาติเซเนกัล ที่เป็นแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ทีมล่าสุด ที่พลิกเบียดเอกวาดอร์เข้ามาเป็นที่ 2 ของกลุ่มเอได้สำเร็จ โดยทีม “สิงโตคำราม” เก็บได้ 7 คะแนนในรอบแรก โดยมีนัดที่พบกับสหรัฐอเมริกาที่ถูกวิจารณ์ว่าเล่นไม่ดี แต่นอกนั้นถือว่าไล่ถล่มคู่แข่งได้หมด ซึ่งความน่าสนใจคือการจัดทัพของแกเร็ธ เซาต์เกธ ว่าจะใช้งานนักเตะฟอร์มดีอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด และฟิล โฟเด้น ลงเป็นตัวจริงต่อหรือไม่ หรือจะใช้นักเตะที่ถูกเรียกว่าลูกรักอย่างราฮีม สเตอร์ริ่ง และเมสัน เมาตน์ลงสนามตามเดิม ส่วนทางเซเนกัลนั้นถือว่าทำผลงานได้ดีทั้ง 3 นัดในรอบแรก แม้ว่าจะมีแพ้ให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ไปก็ตาม ซึ่งน่าเสียดายที่ทัวร์นาเม้นต์นี้พวกเขาต้องมาขาดซาดิโอ มาเน่ ในช่วงก่อนเริ่มฟุตบอลโลก มิเช่นนั้นแนวรุกของพวกเขาน่าจะมีทีเด็ด และความเฉียบคมมากกว่านี้

ญี่ปุ่น ทีมที่ทุกคนจับตามอง เจอกับรองแชมป์เก่า

คู่ตอนค่ำวันที่ 5 ธันวาคม เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติญี่ปุ่น ที่พลิกเข้ามาเป็นแชมป์กลุ่ม และจะได้พบกับทีมชาติโครเอเชีย ซึ่งญี่ปุ่นทำผลงานได้อย่างสุดยอด ด้วยการเอาชนะทั้งสเปน และทีมชาติเยอรมัน แถมเขี่ยทัพ “อินทรีย์เหล็ก” ตกรอบแรกได้สำเร็จอีกด้วย แม้ว่าจะมีไปพ่ายให้กับคอสตาริก้า 0-1 ก็ตาม แต่ญี่ปุ่นกลายเป็นทีมที่น่าจับตามองมากในทัวร์นาเม้นต์นี้ ว่าพวกเขาจะไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้หรือไม่ หลังจากที่พวกเขาเกือบทำได้สำเร็จเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่นำเบลเยี่ยมได้ 2-0 แต่สุดท้ายกลับพ่าย 2-3 อย่างน่าเสียดาย ส่วนโครเอเชียที่เป็นรองแชมป์เก่าก็น่าสนใจทีเดียว ซึ่งพวกเขาเข้ารอบมาอย่างลากเลือด เมื่อเกือบแพ้ให้กับเบลเยี่ยมในนัดสุดท้าย แต่สุดท้ายก็รอดมาได้เพราะความไม่เฉียบขาดของเบลเยี่ยมเอง ซึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วพวกเขาต้องเล่นช่วงต่อเวลาโดยตลอดในรอบน็อคเอาต์ ต้องมาดูว่าหนนี้ทีม “ตราหมากรุก” จะไปได้ไกลแค่ไหน

เนย์มาร์ จะหายทันมั้ย

ต่อกันด้วยทีมเต็งแชมป์ในทัวร์นาเม้นต์นี้อย่างทีมชาติบราซิล ที่ต้องพบกับทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งบราซิลเล่นได้อย่างสมราคาทีมเต็งแชมป์เป็นอย่างยิ่งในรอบแรก แต่สิ่งที่ยังต้องกังวลของบราซิลคืออาการบาดเจ็บของเนย์มาร์ ตัวรุกคนสำคัญของทีมที่ข้อเท้าบวม และต้องลุ้นว่าจะหายกลับมาช่วยทีมลงสนามในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้หรือไม่ ซึ่งถือว่าเขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญของแนวรุกบราซิลชุดนี้เป็นอย่างยิ่ง ส่วนทางฝั่งเกาหลีใต้โกงความตายเอาชนะโปรตุเกสในนัดสุดท้ายมาได้สำเร็จ ทำให้เฉือนอุรุกวัยเข้ารอบด้วยการยิงประตูได้มากกว่า ซึ่งคู่นี้บราซิลดูเป็นต่อมากทีเดียว แต่จะเห็นได้ว่าฟุตบอลโลกหนนี้ทีมจากเอเชียยกระดับทีมขึ้นมาสู้ได้อย่างสูสีทีเดียว ต้องมาดูว่าเกาหลีใต้จะสร้างความลำบากให้กับทีมแชมป์โลก 5 สมัยได้ขนาดไหน

โมร็อคโค ทีมนี้ไม่หมู

ที่ 7 ของรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นการพบกันระหว่างทีมชาติโมร็อคโค ที่ต้องพบกับทีมชาติสเปน โดยโมร็อคโคเก็บได้ถึง 7 คะแนน และก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์กลุ่ม และเขี่ยเบลเยี่ยมตกรอบได้สำเร็จ ซึ่งพวกเขาเล่นได้อย่างดุดันในการไล่บีบคู่แข่ง โดยมีฮาคิม ซิเย็ค เป็นตัวความหวังในแนวรุก ส่วนทีมชาติสเปนเปิดตัวได้อย่างใหญ่โตด้วยการถล่มคอสตาริก้าได้ 7-0 แต่ 2 นัดต่อมาก็ทำได้แค่เสมอกับเยอรมัน 1-1 และแพ้ให้กับญี่ปุ่น 1-2 จนต้องตกมาเป็นทีมอันดับที่ 2 ซึ่งพวกเขาถูกมองว่าเป็นเทพแห่งการครองบอล แต่สุดท้ายแล้วการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู หรือการป้องกันประตูก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากนัก ทำให้คู่นี้แม้ว่าทีม “กระทิงดุ” จะดูเป็นต่อ แต่มุมที่โมร็อคโคจะพลิกชนะก็มีไม่น้อยเช่นกัน

โรนัลโด้ กับ ทีเด็ดของสวิตเซอร์แลนด์

และคู่สุดท้ายของรอบ 16 ทีม คือการพบกันระหว่างทีมชาติโปรตุเกส ที่จะพบกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งโปรตุเกสเก็บชัยชนะมาได้ใน 2 เกมแรก ทำให้เกมสุดท้ายพวกเขาพักตัวหลักไว้เกือบหมด โดยขุมกำลังพวกเขายังมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นกองหน้าตัวเป้าตามเดิม แม้ช่วงที่ผ่านมาจะยังเล่นไม่เข้าตาก็ตาม ส่วนสวิตเซอร์แลนด์นั้นแม้ว่าจะเป็นทีมที่เล่นได้ไม่หวือหวา แต่ในยามที่พวกเขาผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายแล้ว พวกเขามักจะมีทีเด็ดเสมอ และเป็นทีมที่คู่แข่งเอาชนะพวกเขาได้ไม่ง่ายอย่างแน่นอน